วิธีล้างคราบฝังแน่น - David & Mary

แจกเทคนิคล้างจานที่มีคราบฝังแน่นอย่างมืออาชีพ

David & Mary

การล้างจานที่มีคราบฝังแน่นอาจจะเป็นงานที่ยุ่งยากสำหรับหลายๆ คน แต่ถ้าเรามีเทคนิคและวิธีการที่เหมาะสม การล้างคราบฝังแน่นก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้น วันนี้ David & Mary มีเคล็ดลับดีๆ ในการล้างจานที่มีคราบฝังแน่นมาแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้านทุกคน

การแช่จานก่อนล้าง

สำหรับคราบสกปรกบนจาน การแช่จานหรือภาชนะที่มีคราบฝังแน่นในน้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจานเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก ความร้อนจากน้ำอุ่นจะช่วยให้คราบสกปรกหลุดออกได้ง่ายขึ้น และน้ำยาล้างจานจะช่วยขจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้น้ำยาล้างจานที่มีประสิทธิภาพสูง

เลือกใช้น้ำยาล้างจานที่มีสารลดแรงตึงผิวที่มีประสิทธิภาพในการขจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรก อย่างเช่น น้ำยาล้างจาน David & Mary ที่มีสาร Lauryl Glucoside ซึ่งเป็นสารลดแรงตึงผิวจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงในการขจัดคราบ และยังอ่อนโยนต่อผิว

การใช้แปรงขัดที่เหมาะสม

การเลือกใช้แปรงขัดที่มีความแข็งแรงและเหมาะสมกับประเภทของภาชนะที่ต้องการทำความสะอาดนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเลือกไม่ดี คราบก็อาจจะไม่ออก หรือถ้าเลือกที่ผิวสัมผัสแข็งเกินไปก็อาจจะทำให้ภาชนะเป็นรอยได้

การใช้เบกกิ้งโซดาช่วยในการล้างจาน โดยเฉพาะคราบแป้ง

การใช้เบกกิ้งโซดาเป็นเคล็ดลับที่ดีในการขจัดคราบฝังแน่น โดยการโรยเบกกิ้งโซดาลงบนคราบสกปรก แล้วใช้ฟองน้ำหรือแปรงขัดคราบออก เบกกิ้งโซดาจะช่วยขจัดคราบสกปรกออกได้อย่างดี

นอกจากนี้การใช้เบกกิ้งโซดายังเป็นเทคนิคที่ดีในการขจัดคราบแป้งจากข้าว แป้ง หรือซอสต่างๆ อีกด้วย โดยเราสามารถนำภาชนะที่มีคราบเหล่านี้ไปแช่ในน้ำเย็นได้ก่อนเพื่อไม่ให้แป้งเหนียวและจะทำให้คราบแป้งถูกขจัดออกได้ง่ายขึ้น จากนั้นใช้เบกกิ้งโซดาโรยบนคราบ เทน้ำยาล้างจานลงไป แล้วใช้แปรงขัด

ปกติคราบแป้งจะมีลักษณะเป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งหากโดนเบกกิ้งโซดาที่มี pH เป็นเบสนั้นจะช่วยทำปฏิกิริยากับคราบแป้งได้ดี ทำให้คราบแป้งสามารถถูกทำลายและล้างออกได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

การใช้น้ำส้มสายชูช่วยในการล้างจาน

น้ำส้มสายชูเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการขจัดคราบฝังแน่น โดยการผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำแล้วใช้แปรงขัดคราบสกปรกออก น้ำส้มสายชูจะช่วยละลายคราบสกปรกและขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย

นอกจากนี้การใช้น้ำส้มสายชูช่วยล้างจานขจัดคราบ ยังได้ผลดีกับคราบน้ำตาลจากซอสหรือขนมหวาน เช่น น้ำเชื่อม น้ำตาลละลาย หรือขนมหวานที่มีน้ำตาลสูงอีกด้วย โดยเราสามารถผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำอุ่นในอัตราส่วน 1:1 แล้วแช่จานที่มีคราบน้ำตาลทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นค่อยล้างด้วยน้ำอุ่นและน้ำยาล้างจาน

เพราะคราบน้ำตาลจากซอสหรือขนมหวานเหล่านี้ จะเป็นคราบที่มักจะสามารถแข็งตัวและติดแน่นได้ และโดยปกติคราบน้ำตาลจะมีฤทธิ์เป็นเบส ดังนั้นเมื่อเจอน้ำส้มสายชูที่มีกรดอะซิติก (Acetic Acid) จะทำให้คราบน้ำตาลละลาย และหลุดออกจากพื้นผิวภาชนะได้ง่าย 

การใช้น้ำร้อน

การใช้น้ำร้อนในการล้างจานสามารถช่วยให้คราบฝังแน่นหลุดออกได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะคราบไขมัน เนื่องจากความร้อนจะช่วยละลายไขมันและทำให้ขจัดคราบออกได้ง่ายขึ้น

เพราะในน้ำร้อนจะช่วยให้โมโลกุลไขมันละลายแตกตัว และเคลื่อนที่ได้ดีขึ้น ทำให้คราบไขมันถูกชะล้างออกไปอย่างง่ายดายมากขึ้น

การทำความสะอาดหลังการใช้งาน

เพื่อป้องกันการเกิดคราบฝังแน่นในอนาคต ควรทำความสะอาดจานหรือภาชนะทันทีหลังใช้งาน โดยการล้างจานให้สะอาดและเช็ดให้แห้งทุกครั้ง

การล้างจานที่มีคราบฝังแน่นอาจจะเป็นงานที่ยุ่งยาก แต่ถ้าเราใช้เทคนิคและวิธีการที่เหมาะสม การล้างคราบฝังแน่นก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้น ลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ดู แล้วทุกคนจะพบว่าการล้างจานกลายเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้การล้างจานทันทีหลังใช้งานจะช่วยป้องกันคราบฝังแน่นไม่ให้ติดบนจานและภาชนะ ไม่ให้ต้องมาปวดหัวกับคราบฝังแน่น และหาวิธีจัดการทำความสะอาดภายหลัง

กลับไปยังบล็อก