ล้างจาน ฟองเยอะ สะอาดจริงไหม? - David & Mary

น้ำยาล้างจาน ยิ่งฟองเยอะ ยิ่งสะอาด จริงหรือไม่?

David & Mary

เพื่อนบ้านของเราหลายคนคงอาจจะเข้าในว่าน้ำยาล้างจานที่สร้างฟองได้เยอะจะมีประสิทธิภาพในการล้างจานที่สูง จะทำให้ยิ่งล้างจานได้สะอาดมากยิ่งขึ้น ทั้งที่จริงๆ แล้วความเชื่อนี้ถือเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะการมีฟองไม่ได้บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด 

ในบทความนี้ David & Mary จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเกิดฟองเวลาเราล้างจาน รวมถึงประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่แท้จริงกัน

ฟองคืออะไร? เกี่ยวอะไรกับสารลดแรงตึงผิว (Surfactants) 

สารลดแรงตึงผิวเป็นสารที่ช่วยลดแรงตึงของน้ำ ทำให้น้ำสามารถที่จะกระจายตัวและซึมเข้าสู่พื้นผิวได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ สารลดแรงตึงผิวยังช่วยขจัดคราบไขมัน และคราบสกปรกออกจากจานและภาชนะต่างๆ ได้อย่างดี โดยสารลดแรงตึงผิวที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในน้ำยาล้างจาน จะได้แก่ SLS, SLES และที่ David & Mary เราเลือกใช้ Lauryl Glucoside เดี๋ยวเราจะพาไปอธิบายกันว่า ทำไมเราถึงเลือกใช้สารลดแรงตึงผิวชนิดนี้ ไม่ใช่ตัวอื่นๆ :)

SLS (Sodium Lauryl Sulfate)

SLS เป็นสารลดแรงตึงผิวที่มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างฟอง และขจัดคราบไขมัน แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน เพราะ SLS จะไปขจัดไขมันบนชั้นผิวหนังของเราด้วย ทำให้ผิวเราอาจจะเกิดอาการแห้งหรือระคายเคืองได้

SLES (Sodium Laureth Sulfate)

SLES เป็นสารลดแรงตึงผิวอีกหนึ่งชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างฟ้อง และขจัดคราบไขมันเช่นกัน แต่ก็จะมีความอ่อนโยนต่อผิวเรามากกว่า SLS เล็กน้อย

Lauryl Glucoside 

Lauryl Glucoside เป็นสารลดแรงตึงผิวที่ทาง David & Mary เราเลือกใช้ เพราะเป็นสารลดแรงตึงผิวที่ได้มาจากธรรมชาติ ทำให้มีความอ่อนโยนต่อผิว อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบไขมันสูง แม้อาจจะสร้างฟองได้ไม่เยอะเท่า SLS หรือ SLES

ฟองเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ฟองเกิดขึ้นจากกระบวนการที่สารลดแรงตึงผิว (Surfactants) ทำงาน โดยสารลดแรงตึงผิวจะมีลักษณะเป็นโมเลกุลที่มีส่วนที่ชอบน้ำ (Hydrophilic) และส่วนที่ไม่ชอบน้ำ (Hydrophobic) ดังนั้นเมื่อสารลดแรงตึงผิวสัมผัสกับน้ำและไขมัน ส่วนที่ไม่ชอบน้ำก็จะยึดจับกับไขมัน และส่วนที่ชอบน้ำก็จะยึดจับกับน้ำ 

ฟองเกิดขึ้นเมื่อโมเลกุลของสารลดแรงตึงผิวมาลดแรงตึงผิวของน้ำ ทำให้เกิดการจับอากาศในฟองสบู่ กระบวนการนี้เกิดขึ้นจากการที่ส่วนที่ไม่ชอบน้ำ (Hydrophobic) ของสารลดแรงตึงผิวเคลื่อนที่ออกจากน้ำ ขณะที่ส่วนชอบน้ำ (Hydrophilic) ยังคงอยู่ในน้ำ ทำให้เกิดชั้นบางๆ ของน้ำที่ล้อมรอบอากาศไว้ นี่คือเหตุผลที่ฟองสามารถคงอยู่ได้ชั่วขณะหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้เป็นปฎิกิริยาของการทำงานระหว่างสารลดแรงตึงผิว น้ำ และอากาศ มากกว่าจะเป็นการบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการทำความสะอาดคราบไขมันโดยตรง ดังนั้นฟองที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถใช้บ่งบอกได้ว่าน้ำยาล้างจานมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบไขมันและคราบสกปรกมากน้อยเพียงใด

ความเชื่อเกี่ยวกับฟองและความสะอาด

หลายคนอาจเชื่อว่าฟองมาก แปลว่าน้ำยาล้างจานมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสูง แต่ความจริงแล้ว อย่างที่บอกในตอนต้นว่า ฟองไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเสมอไป แต่ฟองเป็นผลพลอยได้จากการทำงานของสารลดแรงตึงผิว และสารตึงผิวที่ดี ไม่จำเป็นต้องสร้างฟองได้มากเสมอไป 

ทีนี้ David & Mary ก็เลยขอพาไปดูว่า แล้วจุดเริ่มต้นความเข้าใจผิดมันเริ่มจากตรงไหนกัน?

ความเชื่อผิดๆ เรื่องฟองที่มาจากการโฆษณา

ในช่วงแรกๆ ของการโฆษณาน้ำยาล้างจาน บริษัทต่างๆ มักใช้ภาพฟองมากมายในโฆษณาของตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าน้ำยาล้างจานนั้นๆ มีความสามารถในการขจัดคราบไขมันและคราบสกปรกได้ดี หลายคนเลยเชื่อมโยงว่าฟองเป็นสัญลักษณ์ของความสะอาดที่มีประสิทธิภาพ ที่เป็นแบบนี้เพราะฟองเป็นสิ่งที่มองเห็นง่าย ชัดเจน เลยกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคใช้ชี้วัดความสะอาด และเกิดความเข้าใจผิดตั้งแต่นั้นมา

แล้วจริงๆ อะไรใช้วัดประสิทธิภาพของการทำความสะอาดของน้ำยาล้างจานที่ดีกันแน่? 

ตัวชี้วัดประสิทธิภาพของการทำความสะอาดในน้ำยาล้างจานคืออะไรกันแน่

ตัวชี้วัดที่แท้จริงของประสิทธิภาพในการทำความสะอาดคือการขจัดคราบไขมันและคราบสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นั่นก็คือความสามารถของสารลดแรงตึงผิวในการทำให้คราบน้ำมันและสิ่งสกปรกหลุดออกจากพื้นผิวนั่นเอง แม้ว่าฟองจะช่วยกระจายสารลดแรงตึผิงได้ดียิ่งขึ้น และอาจมีส่วนช่วยในการทำความสะอาด แต่การขจัดคราบจริงๆ ก็ยังคงเกิดขึ้นในระดับโมเลกุลภายในไมเซลล์ที่เกิดจากสารลดแรงตึงผิวอยู่ดี เพราะฉะนั้นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของน้ำยาล้างจานยังคงเป็นการขจัดคราบไขมัน รวมถึงการล้างออกง่าย ไม่ทิ้งสารตกค้างบนจานหรือภาชนะหลังการล้างต่างหาก

การขจัดคราบไขมันและคราบสกปรก

ความสามารถในการขจัดคราบอาหารและไขมันออกจากพื้นผิวจานหรือภาชนะได้หมดจด

การล้างออกง่าย

น้ำยาล้างจานควรถูกล้างออกได้ง่าย ไม่ทิ้งคราบหรือสารตกค้างหลังจากการล้าง

ความอ่อนโยนต่อผิว

น้ำยาล้างจานควรมีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือผิวแห้ง

ความปลอดภัยต่ออาหาร

น้ำยาล้างจานควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับการล้างภาชนะที่ใช้ในการบริโภคอาหาร

ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

น้ำยาล้างจานที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติและสามารถย่อยสลายได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ดังนั้นหากดูสิ่งเหล่านี้ประกอบเพื่อพิจารณาว่าน้ำยาล้างจานที่ทุกคนควรเลือกใช้ อันไหนดี หรืออันไหนไม่ดี ก็ควรพิจารณาข้อเหล่านี้ประกอบกันไป อย่างไรก็ตามการพิจารณาเลือกสารลดแรงตึงผิวที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ก็สำคัญ เราควรเลือกใช้น้ำยาล้างจานที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติอย่าง Lauryl Glucoside ทำให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบไขมันและคราบสกปรกต่างๆ ออกจากภาชนะไม่ได้น้อยไปกว่าสารลดแรงตึงผิวอื่นๆ นอกจากนั้นยังอ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ

น้ำยาล้างจานของ David & Mary

โจทย์การคิดค้นน้ำยาล้างจานของ David & Mary เราคือการคิดค้นน้ำยาล้างจานที่มีประสิทธิภาพสูงในการขจัดคราบไขมันและคราบสกปรก นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับสุขอนามัยของทุกคนในครอบครัว ดังนั้นน้ำยาล้างจานของเราจะมีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้ระคายเคือง ปลอดภัยกับทุกคนในครอบครัว พร้อมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญ David & Mary อยากให้ทุกงานบ้านเป็นเรื่องไม่น่าเบื่อ เราจึงใส่กลิ่นหอมพิเศษให้ทุกผลิตภัณฑ์ของเรา น้ำยาล้างจานก็เช่นกัน หวังว่าทุกคนจะทำงานบ้านอย่างไม่น่าเบื่อ พร้อมค้นพบกลิ่นหอมใหม่ๆ ที่ทำให้งานบ้านเป็นเรื่องสนุกไปด้วยกัน

สรุปแล้ว ฟองไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดของน้ำยาล้างจานเสมอไป การเลือกน้ำยาล้างจานที่มีสารลดแรงตึงผิวจากธรรมชาติจะช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพสูงและอ่อนโยนต่อผิวหนัง เราสนับนุนให้ทุกคนเลือกใช้น้ำยาล้างจานที่มีคุณภาพเพื่อความสะอาด และสุขภาพที่ดีของทุกคนครอบครัว

กลับไปยังบล็อก